กรมอุทยานแห่งชาติ จัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกถึงแนวทางในการขอรับใบอนุญาต

[Only admins are allowed to see this link]

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพืชพันธ์ จึงกำหนดสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกถึงแนวทางในการขอรับใบอนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย
นกกรงหัวจุกเป็นสัตว์คุ้มครองที่ประชาชนทั่วไปนิยมเลี้ยง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพืชพันธ์ จึงกำหนดสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกถึงแนวทางในการขอรับใบอนุญาตให้ถูกต้องตามกฏหมาย
นายวิชาญ ทวิชัย รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธ์พืช เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาให้ความรู้แก่ผู้เพาะพันธ์ ผู้เลี้ยงและผู้ค้านกกรงหัวจุก (นกปรอทหัวโขน) โดยโครงการดังกล่าวเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุก ให้ทราบถึงแนวทางในการขอรับใบอนุญาตให้ถูกต้องตามขั้นตอนหลักเกณฑ์ของระเบียบและกฎหมาย เพื่อให้ผู้เลี้ยงนกที่แจ้งการครอบครอง(สป.1)หรือรับใบอนุญาตให้ครอบครองชั่วคราว(สป.2) ไว้ถูกต้องแล้ว ที่มีความประสงค์จะเพิ่มรายได้จากการเพาะพันธ์ ค้า และนำเคลื่อนที่นกกรงหัวจุกที่ได้จากการพันธ์เข้าสู่ขั้นตอนการขออนุญาตให้ถูกต้อง ที่สำคัญของการสัมมนาในครั้งนี้คือ จะไม่มีการลักลอบล่านกกรงหัวจุกป่าจากในธรรมชาติมาเลี้ยงหรือค้า ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธ์พืช ได้ประกาศให้นกกรงหัวจุกหรือนกปรอทหัวโขน เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่กำหนดให้เป็นชนิดที่เพาะพันธ์ได้ และปัจจุบันประชาชนนิยมเลี้ยง โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ที่นิยมส่งเสริมให้มีการเลี้ยงนกกรงหัวจุก การเพาะพันธ์โดยเกิดเป็นขบวนการค้า และเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับประชาชน ชุมชนที่เกี่ยวข้องทั้งในตัวนกกรงหัวจุก และส่วนประกอบอื่น ๆ ได้แก่กลุ่มทำกรงนก ซึ่งขณะนี้มีการพัฒนาจากราคากรงละ 100 บ. เป็นราคากรงละ10,000-400,000 บ. เป็นการสร้างรายได้ให้กับประชาชนอย่างมาก เป็นการช่วยแก้ไขปัญหาความยากจนให้หมดไปจากชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เลี้ยงจะต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการขอรับใบอนุญาตให้ถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งในวันนี้มีประชาชนกว่า 1,000 คนเข้ารับการอบรมและขอรับใบอนุญาต

รมว-รมต.โดนพวกที่ทำตัวเป็นนักอนุรักษ์ด่า
สุวิทย์ คุณกิตติ กับแผ่นพับอัปยศ"ถอดนกปรอดหัวโขนจากสัตว์ป่าคุ้มครอง
[Only admins are allowed to see this link]

อีกแล้วครับท่าน..

สมาคมอนุรักษ์นกฯ ค้าน "สุวิทย์" ปลดนกปรอดหัวโขนจากบัญชีคุ้มครองฯ ชี้นกในธรรมชาติลดจำนวนชัดเจน เหตุค่านิยมนกป่าเสียงไพเราะกว่า คนแห่เลี้ยงจากใต้แพร่ไปอีสาน-เหนือ
[Only admins are allowed to see this link]

ต่อสู้กันไป..พวกอนุรักษ์นักวิจัยห้องแอร์
ขอเสียงเพื่อเสนอให้ "กบนอกกะลา" ปรับปรุงเนื้อหาเรื่องนกปรอดหัวโขนให้รอบด้านด้วย
[Only admins are allowed to see this link]

เป็นเรื่องธรรมดาครับ มีสนับสนุนก็ต้องมีค้าน แต่เรื่องคนนิยมนกป่านี่จริงครับ ผมคลุกคลีกับนกกรงและพวกแข่งนกมาพอสมควร คนส่วนใหญ่เชื่อว่านกป่าใจดี(กล้าหาญหรือไม่ยำเกรง)กว่า เสียงดีกว่า สู้นกดีกว่า จึงทำให้กระแสผู้นิยมนกป่ามีมากกว่าครับ แต่เดี๋ยวนี้นกที่เกิดจากการเพาะก็ไม่กระจอกแล้วนะครับ

ขออย่าให้ นกล่าเหยื่อ อย่าเป็นประเด็นร้อนด้วยเถิด สาธุ เอ้าพวกเราเข้าที่กำบัง

แต่ก่อนนี้ใครๆก็คิดว่า ถ้ายังมี สุวิทย์ อยู่ในตำแหน่ง ยังงัยๆก็ไม่ปลดครับ แต่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพืชพันธ์ เป็นหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่อนุรักษ์และส่งเสริมงานหลายด้านที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ การบริหารการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
ใช้ประโยชน และเพิ่มคุณภาพชีวิตคนและสัตว์ป่า เห็นแล้วว่านกกรงเพิ่มงานเพิ่มเงินให้ชาวบ้านและมีคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นทอดๆ ท่านก็เห็นว่าจริงและยังเป็นการอนุรักษ์ที่ยั่งยื่นอีกด้วย เช่นเดียวกับนกเขาชวาที่มีมากมายเพิ่มทุกวันนี้

ผมว่าท่านทำเรื่องนี้เท่ากับทำประโยชนให้แก่ชาติบ้านเมือง ปัญหาเขาพระวิหารเป็นเรื่องที่ท่านทำจนอาจจะไม่มีเวลามาดูแลเรื่อง ป่าไม้ สัตว์ป่า เห็นใจครับ ช้าแต่ทำได้ดี

สรุปยังไม่ถอดใช่หรือป่าวครับ แต่ใครจะไปขอใบอนุญาตคุ้มครองก็ทำได้ ใช่ไหมตามที่ดูข่าวมานะ

กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรียกตัวแทนคนเลี้ยงนกกรงหัวจุกถกข้อเสนอให้ปลดนกกรงหัวจุกออกจากสัตว์คุ้มครอง หลังผู้เลี้ยงรวมกลุ่มยื่นข้อเสนอ 3 ข้อ


ทันทีที่เครือข่ายผู้รักนกกรงหัวจุกเดินทางมาเรียกร้องยื่นข้อเสนอ 3 ข้อ ต่อกรมอุทยานฯ ให้ปลดล็อคนำนกกรงหัวจุกออกจากการเป็นสัตว์คุ้มครอง นายนิพนธ์ โชติบาล และ นายสุวิทย์ รัตนมณี รองอธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าแห่งชาติและพันธุ์พืช พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ได้เรียกผู้แทนเครือข่ายทั้งหมดเข้าถกปัญหาและพูดคุยทำความเข้าใจ โดยกลุ่มตัวแทนได้พูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเพาะพันธุ์ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ การถูกเจ้าหน้าที่ใช้ช่องว่างของกฎหมายหาผลประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรม รวมไปถึงการถูกจับกุมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะตั้งด่านตรวจ ซึ่งตามหลักความเป็นจริงไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยซ้ำ ทำให้ต้องเดินทางมายื่นข้อเสนอดังกล่าว ขณะที่รองอธิบดีและผู้บริหาร ก็ได้ชี้แจงถึงแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวว่า ปัญหาในเรื่องของนกกรงหัวจุก ทางกรมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน ซึ่งได้นำข้อชี้แจงให้คณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎรได้รับทราบถึงปัญหาและแนวทางแก้ไข ที่ตั้งไว้ 2 ข้อด้วยกัน คือ ปลดล็อคออกจากการเป็นสัตว์คุ้มครอง หรืออนุญาตให้แพร่พันธุ์ได้ แต่เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดซับซ้อน จะต้องมีการพิจารณาถึงผลดีผลเสีย ที่จะเกิดขึ้นกับนก รวมไปถึงปัญหาสำคัญ คือการสูญพันธุ์ เพราะนกกรงหัวจุกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือแบบธรรมชาติ และแบบเลี้ยงดู จึงต้องมีการพิจารณากันอย่างละเอียด ซึ่งต้องใช้เวลา ขณะที่ข้อเสนอให้แพร่พันธุ์ได้ ก็ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนอีกว่า ต้องเพาะพันธุ์อย่างถูกต้อง ที่มาของพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ก็ต้องมาอย่างถูกต้องถูกกฎหมาย รวมไปถึงการตรวจสอบประวัติของผู้ที่จะเพาะพันธุ์ ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ก็จะต้องผ่านคณะกรรมการคุ้มครองสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้พิจารณารายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตกลงข้อสรุป พร้อมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามขณะนี้มีผู้แจ้งขึ้นทะเบียนขอเพาะพันธุ์ และเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง 4 0,000 กว่าราย จำนวนนก 400,000 กว่าตัว แต่ในความเป็นจริง กลับมีผู้ขอใบอนุญาตที่จะเพาะขยายพันธุ์เพียง 39 รายเท่านั้น



โดยวันนี้ 4 เครือข่ายผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุก ได้แก่ สมาคมนกกรงหัวจุกแห่งประเทศไทย สมาพันธ์นกกรงหัวจุก ชมรมนกกรงหัวจุก และผู้รักนกกรงหัวจุกกว่า 2,000 คน พร้อมใจกันสวมเสื้อเขียวที่มีข้อความว่า "ปลดล็อคนกกรงหัวจุก" เดินทางมาที่กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อให้กับอธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช คือ 1.ขอให้ปลดล็อคนกรงหัวจุกออกจากสัตว์คุ้มครอง ให้เป็นนกเสรี 2.ถ้าไม่สามารถปลดล็อคได้ ขอให้มีการลงทะเบียนให้เลี้ยงได้อย่างถูกต้อง เพาะพันธุ์จำหน่ายได้ 3.ระหว่างที่มีปัญหาและยังหาทางแก้ไขไม่ได้อยู่นี้ ขอให้ยกเว้นการจับกุม เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ป่าไม้จะอาศัยช่องทางดังกล่าวในการเข้ามาจับกุมผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุก ซึ่งถือว่าไม่มีความชอบธรรม ทั้งๆ ที่ตามหลักความจริง การเลี้ยงนกกรงหัวจุก เป็นไปอย่างถูกต้อง และการแพร่พันธุ์ ยังเป็นการช่วยอนุรักษ์นกกรงหัวจุกไม่ให้สูญพันธุ์ตามที่เจ้าหน้าที่กล่าวอ้าง และที่สำคัญหากสนับสนุนให้มีการแพร่พันธุ์ซื้อขายได้ นกกรงหัวจุกก็จะเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ทำรายได้ให้กับประเทศ และสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนไทยได้อีกด้วย ซึ่งการมาเรียกร้องในวันนี้ทางเครือข่ายได้นำรถกระบะพร้อมเครื่องขยายเสียงไฮปาร์ก ถึงสาเหตุของการที่มาร้องเรียนวันนี้ พร้อมทั้งข้อดีของการร้องเรียนทั้ง 3 ข้อ ให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าใจด้วย